ไม่ได้ดูหนังแนวจิตวิทยาผสมระทึกขวัญที่เข้าท่าแบบนี้มานานพอสมควรครับ จริงๆ หนังแนวนี้มีออกมาเยอะ (โดยเฉพาะหนังทีวีหรือหนังแผ่น) เพียงแต่ความสนุกหรือความน่าสนใจอาจจะไม่มากเท่าไรน่ะครับ จนมาเจอเรื่องนี้ที่ถือว่าน่าพอใจเลยล่ะ
Joel Edgerton ทั้งเขียนบท อำนวยการสร้าง กำกับ และแสดงเองครับ กับเรื่องของไซม่อนกับโรบิน(Jason Bateman และ Rebecca Hall) คู่สามีภรรยาที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ ที่นั่นพวกเขาได้พบกับกอร์โด (Edgerton) เพื่อนเก่าของไซม่อนที่ชอบแวะมาหาพวกเขาอยู่บ่อยๆ
แต่พอนานไปกอร์โดก็เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ ครับ จนพอถึงจุดหนึ่งไซม่อนก็บอกกับกอร์โดตรงๆ ว่าไม่ต้องการให้การ์โดแวะมาหาพวกเขาอีกแล้ว… แต่คงพอเดาได้ใช่ไหมครับว่ากอร์โดไม่หยุดแค่นั้นอย่างแน่นอน
หนังทำได้น่าติดตามดีครับ บรรยากาศมันชวนให้ผวา มันบิ้วให้เราเกิดความรู้สึกไม่ไว้ใจในอะไรต่อมิอะไรได้ดีพอสมควร ไม่ว่าจะตัวละครที่ดูเหมือนทุกคนจะมีปมอะไรบางอย่าง หรือบรรยากาศของฉากต่างๆ ที่แม้บางตอนมันไม่ได้มืดหรือไม่ได้มีฉากน่ากลัวอะไร แต่มันก็ยังทำให้เราสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในซีนหรือเรื่องราวนั้นๆ
![g002]()
ในขณะที่เนื้อเรื่องอาจไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากครับ หลายอย่างออกแนวสูตรเดิมๆ ที่เคยถูกใช้มากับหนังแนวนี้แล้วหลายหน มีการหักมุมพลิกโผบ้าง แต่ Edgerton ก็สามารถเอาของเก่ามาเล่าใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ครบเครื่องทั้งความสะพรึงและความน่าติดตามผมว่าหนังทำออกมาได้มีพลังพ
อสมควรนะครับ พลังที่ว่ามาจากหลายองค์ประ
กอบ อย่างในแง่บรรยากาศก็ถือว่า
ได้อารมณ์หนังลึกลับซ่อนเงื
่อนแบบกำลังดี ในแง่การแสดงก็ถือว่าเลือกด
ารามาได้เหมาะ Hall ไปได้ดีมากๆ กับบทภรรยาที่สัมผัสได้ถึงค
วามผิดปกติที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเธอ บทของเธอนี่ชวนให้นึกถึง Rosemary’s Baby ขึ้นมากลายๆ เลยล่ะBateman ก็แสดงได้เจ๋งครับ ปกติเรามักจะได้เห็นแกเล่นบ
ทฮาๆ แต่มางานนี้แกก็สามารถแสดงอ
อกในเชิงดราม่าผสมระทึกขวัญ
ได้แบบพอเหมาะ ส่วน Edgerton ก็ออกแนวบทสมทบครับ แต่เป็นบทสมทบที่คนดูต้องจด
จำ เพราะคาแรคเตอร์ของพี่แกมีอ
ะไรแปลกๆ อยู่เยอะจริง
ตัวหนังถือว่าประสบความสำเร็จทั้งคำชมและรายได้ครับ หนังลงทุน $5 ล้าน แล้วก็ได้คืนมาประมาณ $58 ล้านจากทั่วโลก จัดว่าสวยทีเดียวครับ ถือเป็นการแจ้งเกิดในฐานะผู้กำกับที่น่าพอใจของ Edgerton (ใจตอนนี้คืออยากรู้ครับว่าผลงานต่อไปของพี่แกจะเป็นอะไร อยากดูนะเนี่ย)
![g003]()
+++++++++++++++++++++++++
++ ถัดจากนี้ถือว่าสปอยล์นะครับ ++
++ ไม่อยากทราบอย่าอ่านต่อครับ ++
+++++++++++++++++++++++++
ผมว่าบทหนังเขียนออกมาได้ดีครับ มันสะท้อนความจริงของคนได้ไม่เลวเลย เพราะเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นทั้งหมดกับตัวละครอย่าง ไซม่อน นั้นก็เพราะการกระทำของตัวเขาเองนั่นแหละครับ
ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าคนแบบไซม่อนน่ะมีอยู่ทั่วไป คนที่ชอบแกล้งคนอื่น สนุกกับการรังแกและทำอะไรตามแต่ใจ โดยไม่สนว่าคนอื่นจะเดือดร้อนปางตายแค่ไหน เป็นคนประเภทที่ไม่รู้สึกเลยว่าตนเองทำอะไรผิดไปบ้าง และไม่คิดจะแก้ไขอะไรทั้งนั้น (ดีแต่แก้ตัวเป็นสรณะ)
ตอนจบก็ถือว่าสะใจดีครับ ผมมองว่าการที่ไซม่อนต้องตกอยู่ในสภาพตายทั้งเป็นแบบนั้น ก็เพราะเขาเป็นคนแบบนั้นนั่นเอง เป็นคนที่คิดร้าย คิดไม่ดี คิดเห็นแก่ตัว ไม่คิดหวังดีกับใคร แล้วก็ไม่คิดว่าใครจะหวังดีกับตน เขาก็จะคิดในทางร้าย มองในทางร้ายไว้เสมอ
จนสุดท้ายมันกลายเป็นเหมือนคุกที่ขังเขาไว้น่ะครับ เขาเป็นคนจับตัวเองมาขังไว้ในคุก เป็นเรือนจำที่เขาจะหลอนตัวเองไปจนตลอดตราบที่ยังมีชีวิต จัดเป็นการตกนรกทั้งเป็นอย่างแท้จริง
หนังก็ชี้ชวนให้เราสำรวจ “ความคิด” ของเราอยู่ในทีนะครับ เราคิดแบบไหน เราก็จะทำแบบนั้น แล้วเราก็จะได้ผลแบบนั้นเช่นกัน… จะนรกหรือสวรรค์ ก็มีเรานี่แหละครับเป็นคนชักพาชีวิตไป…