หนังระทึกขวัญสั่นประสาทที่ได้รับการพูดถึงมากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และยังเป็นหนังทำกำไรมหาศาลให้กับค่าย Blumhouse อีกด้วย (ลงทุน $4.5 ล้าน โกยไป $252 ล้านจากทั่วโลก)
ตัวหนังก็เป็นแนวระทึกลึกลับที่ทำออกมาได้ดีครับ บรรยากาศมันดูน่ากลัว อึมครึมทั้งที่บางฉากมันก็สว่างโล่ แต่อารมณ์และการแสดงของตัวละครก็ทำให้มันดูอึมครึมอึดอัดขึ้นมาได้อย่างพอเหมาะพอดี
เรื่องของ คริส (Daniel Kaluuya) ชายหนุ่มที่กำลังตื่นเต้นเพราะจะต้องเดินทางไปหาพ่อแม่ของแฟนสาว (Allison Williams) ที่ต่างเมือง และสิ่งหนึ่งที่เขากลัวก็คือ โรส แฟนของเขาซึ่งเป็นคนผิวขาว แต่กลับมาคบหาคนผิวดำเช่นเขาแบบนี้แล้ว ทางครอบครัวของเธอจะว่าอย่างไร
พอไปถึงทางบ้านของโรส พ่อแม่ของเธอก็ดูจะต้อนรับเขาดีครับ แต่บรรยากาศมันดูแปลกๆ ไม่ว่าจะท่าทางที่แม้จะดูยิ้มแย้มของพ่อแม่โรส แต่ก็แฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่าง หรือเหล่าคนรับใช้ในบ้านที่ล้วนเป็นคนผิวดำ และมองคริสแบบแปลกๆ ทั้งหมดนี้ก็ทำให้คริสเกิดความกลัวขึ้นมาเหมือนกัน
![]()
ก็เล่าแค่นี้น่ะนะครับ เล่ามากไปเดี๋ยวสปอยล์เสียเปล่าๆ เอาเป็นว่าคริสกำลังจะได้เจอเรื่องน่ากลัวในบ้านแห่งนี้แน่นอน แต่จะเป็นเรื่องอะไรและชีวิตเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปบ้าง คำตอบก็อยู่ในหนังแล้วครับหนังมาแนวสยองแบบกินบรรยากา
ศครับ ค่อยๆ บิ้ว ค่อยๆ สร้างอารมณ์หลอนทีละน้อย ซึ่งสำหรับบางคนมันก็อาจจะเ
ข้าข่าย “น้อยเกินและช้าเกิน” ดังนั้นหากใครไม่ชอบหนังสยอ
งกินบรรยากาศแบบนี้ก็อาจไม่
โดนครับ
สำหรับผมนั้นก็ยอมรับครับว่าบางช่วงก็แอบนิ่งกับความเรื่อยของหนังเหมือนกัน แต่ก็ยังดีที่หนังพยายามใส่รายละเอียดต่างๆ แทรกลงมาในแต่ละฉาก เช่น ปมลึกลับ ท่าทางแปลกๆ ของตัวละคร สิ่งเหล่านี้ก็ดึงดูดความสนใจเราได้โอเคในระดับหนึ่ง
ดาราแสดงกันได้พอเหมาะครับ แต่คนที่ผมชอบผมยกให้ LilRel Howery ที่เล่นเป็นร็อด เพื่อนของพระเอก บทนี้ผมเชื่อว่ามีคนชอบพอๆ กับคนไม่ชอบ เพราะในแง่หนึ่งบทนี้ก็ดูตลก ดูเรียกเสียงฮาจนออกจะขัดกับโทนของหนัง แต่ผมก็มองในเชิงว่ามัน “ตัดกัน” น่ะครับ ประมาณว่าพล็อตหลักดูหลอนๆ ก็มีพล็อตของร็อดนี่แหละที่ดูฮาๆ เบาๆ แทรกลงไป
![]()
ถ้าถามว่าชอบหนังเรื่องนี้ไหม ก็จัดว่าชอบครับ มันกดดันดี บรรยากาศมันทำได้เข้าท่าดี องค์ประกอบต่างๆ มันทำได้ถึงรสในระดับหนึ่ง จริงๆ มันชวนให้นึกถึงหนังสไตล์พี่มาโนชน่ะครับ (M. Night) สยองแบบเรื่อยๆ หลอนแบบลึกๆแต่โดยส่วนตัวผมก็ชอบสไตล์ข
องพี่มาโนชมากกว่าตรงที่มัน
มีการเล่นรายละเอียดเยอะกว่
า และธีมที่เขาเล่นแต่ละเรื่อ
งจะชัดกว่าเด่นกว่า ในขณะที่เรื่องนี้ธีมมันก็ม
ีครับ แต่มันอาจไม่ถึงขั้นชัดหรือ
ก่อให้เกิด “มวลพลัง” แบบหนังพี่มาโนช
ส่วนปมของเรื่อง ยอมรับว่าเดาได้ตั้งแต่กลางเรื่องครับ ที่เดาได้นี่ไม่ใช่เพราะเก่งอะไรหรอก แต่ผมดันเคยดูหนังที่มีพล็อตแบบนี้มาก่อนน่ะครับ ดูไปเลยเดาได้ว่าเรื่องมันจะยังไงต่อ ที่เหลือก็แค่ดูให้จบว่ามันจะจบแบบ Happy หรือ Sad เท่านั้นเอง
เอาเป็นว่านี่คือหนังระทึกลึกลับที่ทำได้ตึงเครียดดีครับ ตัวปมของหนังจะว่าไปก็นำเสนอในเชิงเสียดสีได้ดี (โดยเฉพาะคำว่า “เทรนด์” หรือ “แฟชั่น”) ที่แน่ๆ คือเรื่องนี้กลายเป็นงานแจ้งเกิดของ Jordan Peele ในฐานะผู้กำกับไปเรียบร้อยครับ (พี่แกคือดารานำใน Keanu น่ะครับ)