![D001]()
คำถามก่อนดูหนังเรื่องนี้คือ เรื่องราวว่าด้วยหญิงสาวกลับบ้านเกิดมาแก้แค้นคนที่เคยทำกับเธอไว้ ผ่านความรู้ทางแฟชั่นมันจะออกมาสนุกได้ไหม
พอดูแล้วค้นพบคำตอบตั้งแต่ยังดูไม่จบเลยครับว่า “ทำให้สนุกได้ และน่าติดตามด้วย”
หนังเพลินเกินคาดหมายครับ ดูสนุกทีเดียว ช่วงต้นๆ อาจเรื่อยๆ หรือเดินเรื่องช้าๆ บ้างในบางวาระ ซึ่งก็เป็นการปูพื้นให้เรารู้จักตัวละครและรู้สภาพของเมืองบ้านเกิดนางเอก (ที่ดูแล้วพอจะเข้าใจเลยว่าทำไมนางเอกถึงอยากแก้แค้นชาวเมืองนัก)
แต่พอผ่านช่วงต้นๆ ไป หนังก็เหมือนเครื่องยนตที่สตาร์ทติดครับ มีความน่าสนใจไหลมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะการแสดงดีๆ ของ Kate Winslet ที่ถือว่าสวมบทได้แกรนด์เหมือนเคย
![D002]()
เธอดูเป็นหญิงที่มีความเจ็บช้ำใจอดีต แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความดีอยู่ในตัวเธอ ซึ่งจะว่าไปแล้วที่เธอต้องทำหลายๆ อย่างลงไปนั้นก็เพราะคนอื่นนั่นแหละมาทำเธอก่อน ชาวเมืองส่วนใหญ่เห็นแก่ตัว เชื่ออะไรง่ายๆ และพร้อมจะตามแห่กระแสที่เกิดขึ้นในเมืองเสมอ
ดารารายอื่นๆ อย่าง Liam Hemsworth, Sarah Snook, Judy Davis และ Caroline Goodall ก็ล้วนมีส่วนช่วยเพิ่มความลื่นให้กับหนังได้อย่างดีครับ โดยเฉพาะ Hemsworth ที่เรื่องนี้ถือว่าเขาเล่นเด่นในระดับหนึ่งทีเดียว (ผมว่าบทพี่แกดูมีอะไรมากกว่าใน The Hunger Games อีกครับ)
แต่รายที่ผมชอบสุดต้องยกให้ Hugo Weaving ในเรื่องนี้บทของเขาเพิ่มอารมณ์ขันและความน่ารักให้กับหนังได้อย่างสุดยอด คือปกติเราจะเห็นพี่แกเล่นบทเข้มๆ บทที่เพิ่มความเครียดให้กับหนัง แต่มาเจอมาดพี่แกในเรื่องนี้นี่รู้สึกพี่แกเล่นบทแนวฮาๆ หรือแนวน่ารักๆ ได้อย่างน่าปรบมือเลยล่ะครับ
ต้องบอกว่าปกติแล้วผมจะรู้สึกว่าหนังที่มีฉากหลังเป็นทะเลทรายมันจะดูน่าเบื่อ ไร้สีสัน ดูโมโนโทน จนบางทีก็อาจมีผลทำให้ความน่าสนใจของหนังลดปริมาณลง แต่กับเรื่องนี้โลเกชั่นที่เลือกมาถือว่าเจ๋งเลยล่ะครับ มันไม่ดูจืดชืด แต่มันดูมี “ชีวิต” และแฝงไว้ซึ่ง “ผักชี” ที่ชาวเมืองชอบโรยกันบ่อยๆ มันเลยดูเป็นเมืองที่มีสีสัน (ทั้งในทางบวกและลบ) แม้จะตั้งอยู่กลางทะเลทรายก็ตาม
![D004]()
ด้านเนื้อหาผมว่าสนุกเลยล่ะครับ มันมีปมให้ติดตาม มีเรื่องให้ลุ้นอีกต่างหาก และที่คาดไม่ถึงคืออารมณ์สะเทือนใจ ที่บางฉากนึกจะมาก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว ดูแล้วก็แอบอึ้งไม่ได้ครับ เพราะอารมณ์ฉากเมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ แต่แป๊บเดียวหนังเปลี่ยนอารมณ์ซะแล้ว และที่ผมชื่นชมคือมันเปลี่ยนอารมณ์ได้แบบพอเหมาะ ไม่ได้เปลี่ยนแล้วเหวอ แต่มันเปลี่ยนอย่างกลมกลืน พอดิบพอดี
หนังเรื่องนี้กำกับโดย Jocelyn Moorhouse ภรรยาของ P.J. Hogan ผู้กำกับที่หลายคนน่าจะจำได้จาก Muriel’s Wedding, My Best Friend’s Wedding และ Confessions of a Shopaholic ซึ่งในเรื่องนี้เขาก็มาร่วมเขียนบทให้กับภรรยาด้วยครับ
สำหรับ Moorhouse ก็ไม่ใช่หน้าใหม่ของวงการครับ เธอเคยกำกับ How to Make an American Quilt และ A Thousand Acres ซึ่งหลังจาก 2 เรื่องนั้นเธอก็ไม่ได้กำกับอีกเลย (ตั้งแต่ปี 1997) แต่พอเธอกลับมาทำเรื่องนี้ก็ถือว่าฝีมือของเธอลงตัวขึ้นกว่าเก่าครับ เรื่องนี้ทำออกมาครบรสและน่าติดตามมากกว่า 2 เรื่องก่อนเลยอีก
เป็นหนังที่ดูเพลินแบบคาดไม่ถึงครับ ดาราเล่นดี เดินเรื่องน่าติดตาม คือต้องบอกก่อนว่ามันอาจจะไม่ได้สุดยอดหรือลงตัวโคตรๆ น่ะนะครับ แต่มันดูสนุก แล้วตอนจบยังทำให้คนดูรู้สึกสะใจด้วย (ผมชอบตอนจบแบบนี้แฮะ)
สรุปว่านี่คือหนังดราม่าผสมตลกเสียดสีว่าด้วยการล้างแค้นของสาวสวยที่ทำออกมาได้ดีเรื่องหนึ่งเลยครับ ใครชอบแนวนี้ก็แนะนำเลยครับ
คะแนนความชอบ 7.5/10
รีวิวโดย หมื่นทิพ
![D003]()
The post รีวิว The Dressmaker (2015) แค้นลั่น ปังเวอร์ appeared first on .