หนังว่าด้วยวัยรุ่นแล้วก็เกี่ยวกับความตายเข้าโรงพร้อมกัน 2 เรื่อง ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจดีครับว่าอีท่าไหนถึงพร้อมใจมาชนกันแบบนี้ และที่น่าสนใจกว่าคือมันจะทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินกับมันได้กี่มากน้อย
เรื่องนี้ด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้เรานึกไปถึง Final Destination แต่เอาเข้าจริงแล้วมันกลับทำให้ผมนึกถึง The Belko Experiment มากกว่าครับ เพราะมันเป็นเรื่องสยองที่เกิดในสถานที่ปิดตาย (แล้วก็นึกถึง D-Tox หนังเก่าอีกเรื่องของพี่ Sylvester Stallone ด้วย)
เรื่องของวัยรุ่นที่มาเป็นกลุ่มอาสาสมัครทดลองยา โดยพวกเขาบางคนอาจได้ยาจริงและบางคนอาจได้ยาหลอก ซึ่งยาที่ว่านี่คืออะไรก็ไม่รู้ จะมีผลแบบไหนก็ไม่แน่ชัด แต่พวกเขาก็เดินหน้าทำการทดลองไป
แล้วทีนี้ก็เริ่มเกิดเรื่องน่ากลัวครับ บางคนเริ่มเห็นภาพหลอน เห็นภาพการตายอย่างสยดสยองที่ยังไม่เกิดขึ้น จากนั้นก็เริ่มมีคนตายจริงๆ ทีนี้คนที่เหลือก็เริ่มสติแตกแล้วครับ เลยต้องหากันหาทางออกจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้
แต่ก็อย่างที่รู้ครับว่ามันดันปิดตาย (ประมาณว่าเป็นการทดลองแบบปิด ห้ามใครออกไปไหนจนกว่าจะครบกำหนดทดลองเสร็จ) และที่แย่ไปกว่านั้นคือดูเหมือนจะมีใครไล่ฆ่าพวกเขาอีกด้วย…
หนังชวนให้นึกถึง Belko จริงๆ ครับ ยิ่งลักษณะของตึกนี่ยิ่งเหมือนนะ ตึกสูงๆ ใหญ่ๆ กลางที่โล่งๆ คือมันใช่เลยน่ะครับ นี่ถ้าบอกว่า 2 เรื่องเชื่อมกันนี่ผมก็เชื่อนะ เพราะมันว่าด้วยความสยองในที่ปิดตายเหมือนกัน และยังมีการทดลองบ้าๆ เหมือนกันอีกด้วย
สำหรับเรื่องนี้ หนังก็เรื่อยๆ ครับ ว่าตรงๆ คือ Belko ยังสนุกกว่า ส่วนเรื่องนี้มันไม่มีอะไรเร้าใจนัก แม้จะมีฉากน่ากลัวหรือความตื่นเต้นทยอยเกิดขึ้นก็ตาม แต่มันไม่มีอะไรแปลกใหม่หรือตราตรึงครับ เรียกว่าใครหวังฉากการตายช็อคๆ แบบ Final Destination ล่ะก็ ทำใจได้เลย มันไม่มีหรอก
หนังมันผสมๆ กันระหว่างหนังไล่เชือด ที่วัยรุ่นโดนฆ่าทีละคน หรือไม่ก็โดนกับดักอะไรสักอย่างจนทำให้เกิดการตายแบบสยอง แล้วก็มีความเป็นไซไฟ เพราะยาที่ว่านี่มีผลข้างเคียงคือการมองเห็นนิมิตในอนาคต
แต่ว่ากันตามจริงคือหนังไม่มีอะไรน่าจดจำครับ เดินเรื่องเรื่อยๆ ฉากการตายก็เรื่อยๆ ความเร้าใจแทบไม่มี หรือปมปริศนาก็ไม่ได้ซับซ้ัอนอะไร และที่ต้องทำใจคือ เราจะยังได้เห็นตัวละครตัดสินใจผิดแบบที่ไม่ควรผิด จนส่งผลให้ถึงแก่ความตาย แบบที่เห็นบ่อยๆ ในหนังแนวนี้
หรือไม่ก็เห็นตัวละครที่เห็นแก่ตัวจัดๆ พยายามเอาตัวรอดแบบไม่สนใจใครซึ่งตัวละครแบบนี้เราก็พอเดาได้น่ะครับว่าถึงจุดหนึ่งก็ต้องโดนดี เพียงแต่ตัวละครที่ว่านั้น ตอนโดนดีมันออกจะ “ตลก” หน่อยๆ
สรุปว่าหนังไม่มีอะไรครับ ตอนแรกผมเห็นว่ามีการให้ตัวละครนิมิตได้ ก็นึกว่าจะใช้ประโยชน์จากการนิมิตมาสร้างความตื่นเต้น หรือไม่ก็หักมุม แบบเรื่อง Next แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรมากมาย คือมีน่ะมีครับ แต่มันไม่ได้ทำให้หนังดูโอเคขึ้นเลย
ก็คงต้องพูดคำพูดประจำครับว่า “แล้วแต่วิจารณญาณ” หากอยากลองชมก็ลองได้ครับ หรือเอาจริงๆ ก็คือจะรอแผ่นก็ได้เหมือนกันครับ
คะแนนความชอบ 5/10
รีวิวโดย หมื่นทิพ
The post รีวิว Tell Me How I Die (2016) นิมิตมรณะ appeared first on .